Language Schools in USA |
เหตุผลหลักที่นักศึกษาไทยเลือกไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา
- มีหลักสูตรการศึกษาที่มีความหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
- ด้วยความสัมพันธ์อันยาวนานและแน่นแฟ้นกับประเทศไทยทั้งในภาครัฐและเอกชน ซึ่งหมายถึงมีคนไทยจำนวนมากที่ได้เคยมีโอกาสไปศึกษาที่ประเทศนี้มาก่อน และสำหรับผู้ที่เคยได้รับความประทับใจจากการใช้ชีวิตและการศึกษาที่ประเทศ นี้ย่อมต้องแนะนำให้ผู้อื่นไปศึกษาต่อเช่นกัน รวมถึงการส่งบุตรหลานของตนเองเพื่อไปศึกษาต่อด้วย
- สหรัฐอเมริกา มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความเป็นผู้นำเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ
- ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาและค่าครองชีพในสหรัฐอเมริกามีตั้งแต่ระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูง นักศึกษาจึงสามารถเลือกเข้าศึกษาต่อกับสถาบันที่มีอัตราค่าใช้จ่ายที่เหมาะ สมกับงบประมาณของตนเองได้
- ความหลากหลายทั้งทางด้านภูมิประเทศ และภูมิอากาศ ทำให้นักศึกษามีทางเลือกอย่างมากมาย สำหรับการเลือกสภาพแวดล้อมเพื่อใช้ชีวิตการศึกษาของตนเอง
- สถาบันการศึกษาส่วนใหญ่ได้รับการรับรองวิทยฐานะขั้นพื้นฐานโดย ก.พ.
- สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีความเจริญทางด้านธุรกิจที่หลากหลาย การได้มีโอกาสเรียนรู้และสร้างความคุ้นเคยกับระบบการเรียนการสอน การใช้ชีวิตและวัฒนธรรมของชาวอเมริกัน สามารถช่วยส่งเสริมโอกาสทางด้านธุรกิจในอนาคตได้
- นักศึกษาที่เรียนจบหลักสูตรระดับปริญญาจากสหรัฐอเมริกาจะมีสิทธิในการสมัครขอพำนักต่อเพื่อการฝึกงานได้เป็นเวลา 1 ปี
ระบบการศึกษา
การศึกษาในสหรัฐอเมริกาแต่ละรัฐจะควบคุมคุณภาพการเรียนการสอนและวางแผนการศึกษา ของตนเองโดยไม่ขึ้นกับรัฐบาลกลาง ทุกรัฐจะมีหน่วยงานการศึกษาคล้ายกระทรวงศึกษาธิการที่คอยกำหนดมาตรฐานต่าง ๆ และนำเงินงบประมาณอุดหนุนให้โรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยจากเงินภาษีที่เก็บได้จากประชาชนในแต่ละรัฐ สำหรับการศึกษาภาคบังคับ นักเรียนอเมริกันทุกคนจะเรียนฟรีไม่ว่าจะอยู่ที่รัฐใด จนจบชั้นมัธยมศึกษาหรือ Grade 12 สำหรับนักเรียนจากประเทศไทยที่ต้องการเรียนในระดับประถมและมัธยมศึกษาที่อเมริกา จะสมัครเข้าเรียนได้ในโรงเรียนเอกชนเท่านั้น เพราะสหรัฐอเมริกาจะไม่ออกวีซ่าให้นักเรียนไทยที่ได้ I-20 จากโรงเรียนระดับประถมและมัธยมศึกษาจากโรงเรียนของรัฐที่เรียกว่า Public School การเรียนในระดับมหาวิทยาลัยจะมีข้อแตกต่าง กล่าวคือ ถ้านักเรียนที่มีถิ่นฐานในรัฐหนึ่ง จะข้ามมาศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยอีกรัฐหนึ่ง จะต้องเสียค่าเล่าเรียนแพงขึ้นที่เรียกว่า Out of State Tuition และถ้านักศึกษามาจากประเทศอื่น จะต้องเสียค่าเล่าเรียนมากกว่าขึ้นไปอีก
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (Junior High School) คือเกรด 7 และเกรด 8 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Senior High School) คือเกรด 9 ถึง เกรด 12 โดยทั่วไปสำหรับเด็กที่เริ่มเข้าเรียนตามปกติ และเรียนต่อเนื่องไปโดยไม่ขาดตอน จะสำเร็จการศึกษา Grade 12 เมื่ออายุประมาณ 18 ปี ซึ่งนับว่าสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย นักเรียนในระดับนี้ต้องเรียนวิชาพื้นฐานคือ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา และอาจต้องเรียนภาษาต่างชาติหรือพลศึกษาด้วย นักศึกษาต่างชาติที่เข้าไปเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาในประเทศอเมริกาส่วน ใหญ่จะเข้าเรียนกับโรงเรียนประจำของเอกชน หรือ Boarding School เนื่อง จากโรงเรียนรัฐบาลส่วนใหญ่ไม่สามารถจัดหาหอพักให้ได้ โดยทั่วไปนักเรียนไทยที่ไปเรียนต่อในระดับนี้ มักสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว และเข้าไปเรียนต่อ Grade 10 ในประเทศอเมริกา
ระดับอุดมศึกษา (Higher Education) สถาบันสอนภาษา (Language Schools) นอกจากหลักสูตรภาษาอังกฤษแบบเร่งรัดแล้ว สถาบันหลายแห่งยังเปิดสอนในหลักสูตรอื่น ๆ อาทิเช่น หลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อการเตรียมตัวสอบ TOEFL ภาษา อังกฤษเพื่อธุรกิจหรือเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ หรือสำหรับครูสอนภาษาอังกฤษชาวต่างชาติ รวมถึงการจัดทัศนศึกษา
1. วิทยาลัยแบบ 2 ปี และวิทยาลัยชุมชน (Junior Colleges and Community Colleges)
นักศึกษาที่เรียนในวิทยาลัย Junior และ Community Colleges สามารถเลือกเรียนได้ใน 2 หลักสูตร คือ
Transferable Program เป็นหลักสูตรที่เป็นวิชาพื้นฐาน 2 ปีแรกของการศึกษาระดับปริญญาตรี โดยนักศึกษาจะลงเรียนวิชาบังคับ (General Education Requirements) เป็นเวลา 2 ปี จากนั้นนักศึกษาสามารถโอนหน่วยกิตไปมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนเพื่อศึกษาต่อในระดับปี 3 โดยที่เกรดเฉลี่ยที่นักศึกษาทำได้ในระหว่าง 2 ปีนี้ จะเป็นตัวกำหนดว่านักศึกษาจะได้รับการตอบรับเข้ามหาวิทยาลัยที่อยู่ในอันดับยากง่ายเพียงใด
Terminal/Vocational Track เป็นหลักสูตรอนุปริญญาสายวิชาชีพหลังจาก 2 ปีแล้ว นักศึกษาจะได้รับวุฒิอนุปริญญา (Associate Degree) ทางสาขาวิชาที่เลือก
2. วิทยาลัย(Colleges)
เป็นสถาบันระดับอุดมศึกษาหลักสูตร 4 ปี เปิดสอนในสาขาวิชาต่างๆ วิทยาลัยหลายแห่งเปิดสอนถึงระดับปริญญาโท
3. มหาวิทยาลัย (University)
เป็นสถาบันระดับอุดมศึกษาที่เปิดสอนระดับปริญญาตรี (4ปี) ปริญญาโท (1-2ปี) และปริญญาเอก(4ปี) เน้นการสอนและการค้นคว้าวิจัยในเชิงวิชาการ
4. สถาบันทางวิชาชีพ
เป็นสถาบันทางวิชาชีพชั้นสูงโดยเฉพาะ เช่น แพทย์ศาสตร์ กฎหมาย เป็นต้น หลักสูตร 3-8ปี แล้วแต่สาขาวิชา นักศึกษาจะเข้าศึกษาหลังจากที่สำเร็จปริญญาตรีมาแล้ว
การสมัครเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษา
ระดับอุดมศึกษา
ปริญญาตรี ควรมีผลการศึกษามัธยมปลาย คะแนนเฉลี่ย 2.5 ขึ้นไป
ปริญญาโท ควรมีผลการศึกษาปริญญาตรี คะแนนเฉลี่ย 2.5-3.0 ขึ้นไป
ปริญญาเอก ควรมีผลการศึกษาปริญญาตรี คะแนนเฉลี่ย 3.0 ขึ้นไป
เอกสารประกอบการสมัคร
1. ใบสมัคร Download ได้จาก Website ของโรงเรียนและกรอกให้เรียบร้อย
2. ค่าธรรมเนียมการสมัครตามแต่สถานศึกษาจะเรียกเก็บ
3. หลักฐานการศึกษาและหนังสือรับรองอย่างน้อย 3 ท่านจากอาจารย์หรือผู้บังคับบัญชา
4. จดหมายรับรองฐานะทางการเงินของผู้ปกครองจากสถาบันการเงิน
5. ผลสอบ TOEFL, GRE หรือ GMAT โดยนักศึกษาที่จะสมัครในโปรแกรม MBA ส่วนใหญ่จะต้องใช้คะแนน GMAT ซึ่งจะนำมาคำนวณกับเกรดเฉลี่ยปริญญาตรี ส่วนนักศึกษาที่สมัครปริญญาโทและเอกในสาขาอื่นๆ ส่วนใหญ่จะต้องสอบ GRE (Graduate Record Examination)
6. เขียนเรียงความประวัติส่วนตัวบอกจุดประสงค์การศึกษาต่อ ประมาณ 300-500 คำ
ภาคการศึกษา
ส่วนมากจะรับเฉพาะเทอม Fall Semester
ปิดรับสมัคร
ตามที่สถานศึกษากำหนด บางแห่งปิดกุมภาพันธ์บางแห่งปิดมิถุนายนสำหรับเทอมแรก (Fall) บางแห่งโรงเรียนปิดสิงหาคม สำหรับเทอมที่ 2 (Spring) ก่อนกันยายนประมาณ 1 ปี
การเตรียมตัว
ควรเตรียมดำเนินการล่วงหน้าก่อนเดือนกันยายน 1 ปี
ผลการพิจารณา
ประมาณ 3-6 สัปดาห์หลังจากส่งใบสมัคร สถานศึกษาจะแจ้งผลการพิจารณาให้ทราบ หากตอบรับจะส่งใบตอบรับ (I-20) มาให้ เพื่อให้นำไปขอวีซ่านักเรียน
ข้อมูลวีซ่า
http://bangkok.usembassy.gov/services/visa/index.htm
สถานที่ขอวีซ่า
สถานทูตอเมริกา 95 ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ 10330 โทร. 0-2205-4000
Colorado State University มหาวิทยาลัย Colorado ก่อตั้งเมื่อปี 1870 ตั้งอยู่ที่เมือง Fort Collins ในรัฐ Colorado เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านการวิจัย ไม่ว่าจะเป็นสาขา Infectious Disease, Atmospheric Science หรือ Environmental Science นอกจากนี้แล้วมหาวิทยาลัยยังมีชื่อเสียงด้าน Medicine, Veterinarian, Agriculture, Communication ได้รับการโหวตเป็นอันดับ 6 ของ Best Place to Live in USA โดย Money Magazine 2010 และยังได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 5 ของ Best Place for Business and Career โดยนิตยสาร Forbes ประจำปี 2011 อีกทั้งยังถูกจัดอันดับให้เป็น มหาวิทยาลัย National Ranking University และ Tier 1 Very High Research Activities โดย the Carnegie Foundation |
Drew University มหาวิทยาลัย Drew University เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ก่อตั้งเมื่อปี 1867 ตั้งอยู่ในเมือง Madison รัฐ New Jersey ซึ่งอยู่ห่างจากเมือง New York เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรีและปริญญาโทในสาขา Natural Science, Social Science, Language and Literature และหลักสูตรอื่น ๆอีกมากมาย Drew University เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกาในระดับปริญญาตรี การันตีคุณภาพของคณาจารย์ผู้สอน ทุกท่านล้วนจบในระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยท็อปโลก อาทิ Harvard University, MIT, Columbia University, Cornell University, Duke University มีอัตราส่วนอาจารย์ต่อนักศึกษา 1:10 นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรเรียนและฝึกงานทั้ง Wall Street Semester และ United Nations Semester และโอกาสในการรับทุนการศึกษาสูงถึงเกือบ 2 แสนบาท |
George Mason University George Mason University เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1972 ตั้งอยู่ใจกลางเขต Northern Virginia วิทยาเขตต่าง ๆ ตั้งอยู่ที่เมือง Fairfax, Arlington, Prince William, Loudoun, Ras Al Khaimah Emirate of the United Arab Emirates ปัจจุบันมีจำนวนนักศึกษา 30,332 คน หลักสูตรต่าง ๆ ที่เปิดสอนที่นี่ ได้แก่ Public Policy, Information Technology, Engineering, Economics, Visual Art, Law, Science โดยหลักสูตรต่าง ๆ เปิดสอนทั้งในระดับปริญญาตรี, บัณฑิตศึกษา และวิชาชีพกฎหมาย |
Marshall University Marshall University เป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1837 ตั้งอยู่ในเมือง Huntington เปิดสอนทั้งในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท ได้รับการจัดอันดับโดย Carnegie ให้เป็นมหาลัยขนาดใหญ่ หรือ "Master's Large" University มีนักเรียนทั้งหมดประมาณ 14,000 คน มีค่าเรียนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับมหาลัยรัฐบาลในสหรัฐอเมริกา ทุกหลักสูตรการเรียนการสอนของ Marshall University ได้รับการรับรองวิทยฐานะทั้งในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ ทั้งนี้ Marshall University ยังมีมาตรฐานการศึกษาที่มีคุณภาพได้รับการจัดอันดับโดย US News & World Report, 2013 ให้อยู่ในอันดับที่ 16 ของมหาลัยรัฐบาลระดับปริญญาตรีและปริญญาโทของมหาวิทยาลัยทั้งหมดของภูมิภาคตอนใต้ |
National University National University ประกอบด้วย 6 คณะ ได้แก่ The School of Business and Management, The School of Education, The School of Engineering, Technology and Media, The School Health and Human Service, The School of Professional Studies, The College of Letter and Sciences มหาวิทยาลัยก่อตั้งขึ้นในปี 1971 เปิดสอนระดับปริญญาตรีและปริญญาโทกว่า 100 สาขา มหาวิทยาลัยได้รับการรับรองวิทยฐานะโดย The Western Association of Schools and College (WASC) ซึ่งได้รับการยอมรับโดยคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) มีวิทยาเขตและศูนย์แนะนำการศึกษามากกว่า 45 แห่ง ใน California, Florida, Nevada, Texas, Washington, Georgia และ Virginia National University มีนักศึกษามากกว่า 29,000 คน จาก 73 ประเทศทั่วโลก |
Oklahoma City University มหาวิทยาลัย Oklahoma City University มีวิทยาเขตตั้งอยู่ใจกลางเมือง Oklahoma ซึ่งเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพต่ำและปลอดภัย อยู่ใกล้แหล่งบันเทิงและย่านการกีฬาในเมือง เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่เปิดสอนหลายคณะ อาทิ Business, Arts, Fine Arts, Nursing มีหลักสูตรปริญญาตรีกว่า 50 หลักสูตร ปริญญาโท 12 หลักสูตร คณะ Nursing มีโรงเรียนที่เปิดสอนชื่อว่า Kramer School of Nursing มีหลักสูตรการสอนที่ครอบคลุม เปิดสอนในระดับปริญญาตรี โท และเอก ทางมหาวิทยาลัยมีอัตราส่วนจำนวนนักศึกษาต่ออาจารย์คือ 11:1 ได้รับรางวัลจากวารสาร Money ให้เป็นหนึ่งใน "America's 100 Best College Buys" และได้รับการรับรองวิทยฐานะ NCACS นอกจากนี้แล้ว Meinders Business School ซึ่งเปิดสอนบริหารธุรกิจในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ยังได้รับ การรับรองคุณภาพจาก AACSB อีกด้วย |
Oregon State University Oregon State University เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา อยู่ในเมือง Corvallis รัฐ Oregon ห่างจากเมือง Portland ประมาณ 1.5 – 2 ชม. ก่อตั้งเมื่อปี 1868 ได้รับรางวัล Carnegie Foundation Top Research สาขามหาวิทยาลัยที่มีผลงานวิจัยขั้นสูง ได้รับการจัดอันดับ TOP 5 ในด้าน Nutrition และ TOP 10 ในด้าน Nuclear Power Engineering จาก US News & World Report นอกจากนี้แล้ว Professor ของมหาวิทยาลัยยังได้รับรางวัล Nobel Prize อีกด้วย มหาวิทยาลัยมีหลักสูตรปริญญาตรีกว่า 200 หลักสูตร และปริญญาโทกว่า 100 หลักสูตร อาทิ Business, Engineering, Education, Agriculture |
University of South Florida มหาวิทยาลัยตั้งอยู่เมือง Tampa รัฐ Florida เป็นมหาวิทยาลัยที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 9 ของประเทศสหรัฐอเมริกา และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของรัฐฟลอริดา มี 3 วิทยาเขต คือ Tampa, St. Petersburg และ Sarasota-Manatee และมีทั้งหมด 14 วิทยาลัยที่เปิดสอนมากกว่า 120 หลักสูตรของระดับปริญญาตรี และมากกว่า 130 หลักสูตรของระดับปริญญาโท นอกจากนี้ในระดับปริญญาเอกยังมีหลักสูตรที่เปิดสอนหลายสาขา มหาวิทยาลัยได้รับทุนวิจัยจากรัฐบาลมากกว่า USD 390 ล้านเหรียญซึ่งเท่ากับงบประมาณประเทศ 1 ใน 4 ของประเทศไทย |
- Aspect Boston
-
รัฐแมสซาชูเซต์ เป็นเมืองสำหรับพักอาศัยอันเงียบสงบ และเป็นสถานที่เหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนภาษาแบบจริงจัง นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังใกล้กับ Martha's Vineyard ลานสกีเวอร์มองต์ แนวหาดแสนสวยในรัฐเมน มหาวิทยาลัยฮาวาร์ดอันเลื่องชื่อ Providence และเมืองบอสตันอันตระการตา
- Aspect New York
-
สถาบันสอนภาษา Aspect New York ตั้งอยู่ในเมืองริเวอร์เดลอันงดงาม เมืองที่โด่งดังที่สุดเมืองหนึ่งในสหรัฐอเมริกา คุณสามารถมาถึงใจกลางเมืองที่คึกคักมากที่สุดในโลกโดยใช้เวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้น
- ELS Language Centers
-
ELS Language Centers ได้ใช้เวลากว่า 40 ปีในการปรับปรุงหลักสูตรการเรียนให้สมบูรณ์แบบ เราได้สอนภาษาอังกฤษให้กับนักศึกษามาแล้วหลายล้านคน จากกว่า 140 ประเทศ เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง กับการใช้นวัตกรรมในรูปแบบใหม่ ที่ทำให้การเรียนรู้ด้านภาษา สามารถทำได้โดยง่ายดายรวดเร็วและมีความสนุกสนาน และด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทที่มีให้กับการบริการลูกค้านี่เอง ที่ทำให้ศูนย์ภาษาของเราเป็นหนึ่งในศูนย์ภาษาที่ดีที่สุดในโลก
- Geos English Academy, Costa Mesa
-
คอสตาเมซาเป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านธุรกิจและวัฒนธรรมในมลรัฐทางตอนใต้ อีกทั้งที่นั่นยังมีสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงมากมายไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย
- Geos English Academy, Honolulu
-
สถาบันตั้งอยู่ในใกล้กับชายหาด Waikiki ร้านอาหาร, ช็อปปิ้งอาเขต โรงภาพยนต์ และสถานที่เที่ยวอื่นๆอีกมากมาย อีกทั้งการเดินทางจากตัวสถาบันไปยังสถานที่ต่างๆ ยังมีความรวดเร็วและง่ายต่อการใช้บริการรถโดยสารต่างๆ
เลือกหน้า : -1 -2